หว้พระ 9 วัด ณ เชียงคาน
เชื่อหรือไม่ ที่เชียงคาน คุณสามารถไหว้พระ 9 วัด ได้ภายใน 2 ชม.
จุดเริ่มต้น: วัดภูช้างน้อย
ขึ้น ภูไหว้พระใหญ่ อธิฐานขอพร ก่อนชมเมืองเชียงคานจากยอดภูช้างน้อย วัดภูช้างน้อยเป็นวัดป่า ซึ่งชาวเชียงคานได้สร้างขึ้น พระพุทธรูปองค์ใหญ่บนยอดเขามองเห็นเด่นเป็นสง่า ให้ทราบว่าท่านมาถึงเมืองเชียงคาน เมืองแห่งธรรมมะแล้ว
วัดที่ 2 วัดสันติวนาราม
ตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2482 โดยพระครูพิทักษ์สังฆการ เป็นผู้นำชาวบ้านสร้างขึ้น เดิมชื่อว่า “วัดป่าศิริพิทักษ์อรัญญวาส” ต่อมาพระพิมลธรรมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดสันติวนาราม” ภายในวัดมีมณฑปประดิษฐานรายพระพุทธบาทจำลอง และบริเวณรอบอุโบสถ มีพระพุทธรูปสีทองอร่าม ประดิษฐานเรียงรายนับร้อยองค์งดงามมาก
ขึ้น ภูไหว้พระใหญ่ อธิฐานขอพร ก่อนชมเมืองเชียงคานจากยอดภูช้างน้อย วัดภูช้างน้อยเป็นวัดป่า ซึ่งชาวเชียงคานได้สร้างขึ้น พระพุทธรูปองค์ใหญ่บนยอดเขามองเห็นเด่นเป็นสง่า ให้ทราบว่าท่านมาถึงเมืองเชียงคาน เมืองแห่งธรรมมะแล้ว
วัดที่ 2 วัดสันติวนาราม
ตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2482 โดยพระครูพิทักษ์สังฆการ เป็นผู้นำชาวบ้านสร้างขึ้น เดิมชื่อว่า “วัดป่าศิริพิทักษ์อรัญญวาส” ต่อมาพระพิมลธรรมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดสันติวนาราม” ภายในวัดมีมณฑปประดิษฐานรายพระพุทธบาทจำลอง และบริเวณรอบอุโบสถ มีพระพุทธรูปสีทองอร่าม ประดิษฐานเรียงรายนับร้อยองค์งดงามมาก
วัดที่ 3 วัดโพนชัย
พระยา ศรีอรรคฮาด (ทองดี ศรีประเศริฐ) เจ้าเมืองเชียงคานองค์สุดท้ายเป็นผู้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2443 สังกัดมหานิกาย ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธานปางสมาธิศิลปะเชียงแสน และพระพุทธรูปไม้ศิลปะอีสานปางห้ามญาติ ศาลาการเปรียญสร้างขึ้นใหม่งดงามเช่นกัน ด้านหลังพระอุโบสถมีสถูปบรรจุอัฐิของพระยาศรีอรรคฮาด เป็นที่เคารพของลูกหลานสืบมา
พระยา ศรีอรรคฮาด (ทองดี ศรีประเศริฐ) เจ้าเมืองเชียงคานองค์สุดท้ายเป็นผู้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2443 สังกัดมหานิกาย ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธานปางสมาธิศิลปะเชียงแสน และพระพุทธรูปไม้ศิลปะอีสานปางห้ามญาติ ศาลาการเปรียญสร้างขึ้นใหม่งดงามเช่นกัน ด้านหลังพระอุโบสถมีสถูปบรรจุอัฐิของพระยาศรีอรรคฮาด เป็นที่เคารพของลูกหลานสืบมา
วัดที่ 4 วัดศรีคุณเมือง (วัดใหญ่)
วัด เก่าแก่ ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2199 ชาวบ้านเรียกว่า วัดใหญ่ พระอุโบสถงดงามด้วยศิลปะล้านช้าง แขนนางเชิงหลังคาเป็นไม้แกะสลักอ่อนช้อยงดงาม ฝาผนังเป็นภาพเขียนฝีมือช่างโบราณซึ่งบูรณะใหม่ โดยช่างจากกรมศิลปากร องค์พระประธานปางนาคปรกศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมาแต่โบราณ มีศิลาจารึกหินชนวนประดับที่หน้าโบสถ์
วัด เก่าแก่ ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2199 ชาวบ้านเรียกว่า วัดใหญ่ พระอุโบสถงดงามด้วยศิลปะล้านช้าง แขนนางเชิงหลังคาเป็นไม้แกะสลักอ่อนช้อยงดงาม ฝาผนังเป็นภาพเขียนฝีมือช่างโบราณซึ่งบูรณะใหม่ โดยช่างจากกรมศิลปากร องค์พระประธานปางนาคปรกศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมาแต่โบราณ มีศิลาจารึกหินชนวนประดับที่หน้าโบสถ์
วัดที่ 5 วัดท่าครก
ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2395 โดยพระศรีอรรคฮาด (สีทา) เจ้าเมืองเชียงคาน (องค์ก่อนพระยาศรีอรรคฮาด (ทองดี)) เป็นผู้สร้างขึ้น สมัยนั้นเมืองเชียงคานยังขึ้นอยู่กับมณฑลพิษณุโลก อุโบสถศิลปะล้านช้าง งดงามด้วยปูนปั้นประดับลายเพดานไม้เขียนสีแบบโบราณ พระประธานปูนปั้นศิลปะล้านช้างทั้งสามองค์ ประดิษฐานบนแท่นสูง หน้าโบสถ์ฝังศิลาจารึกบอกเล่าเรื่องราวการสร้างวัดเป็นภาษาธรรมเอกไว้ด้วย
วัดที่ 6 วัดศรีพนมมาศ
ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2497 โดยชาวเชียงคาน มีพระมหาบุญหนักสิริปุญโญ เป็นประธานฝ่ายพระสงฆ์ สังกัดธรรมยุต เป็นวัดที่มีเมรุ พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ และกำแพงวัด งดงามด้วยภาพพุทธประวัติ ภาพเขียนฝาผนังฝีมือช่างชาวเชียงคาน
ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2395 โดยพระศรีอรรคฮาด (สีทา) เจ้าเมืองเชียงคาน (องค์ก่อนพระยาศรีอรรคฮาด (ทองดี)) เป็นผู้สร้างขึ้น สมัยนั้นเมืองเชียงคานยังขึ้นอยู่กับมณฑลพิษณุโลก อุโบสถศิลปะล้านช้าง งดงามด้วยปูนปั้นประดับลายเพดานไม้เขียนสีแบบโบราณ พระประธานปูนปั้นศิลปะล้านช้างทั้งสามองค์ ประดิษฐานบนแท่นสูง หน้าโบสถ์ฝังศิลาจารึกบอกเล่าเรื่องราวการสร้างวัดเป็นภาษาธรรมเอกไว้ด้วย
วัดที่ 6 วัดศรีพนมมาศ
ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2497 โดยชาวเชียงคาน มีพระมหาบุญหนักสิริปุญโญ เป็นประธานฝ่ายพระสงฆ์ สังกัดธรรมยุต เป็นวัดที่มีเมรุ พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ และกำแพงวัด งดงามด้วยภาพพุทธประวัติ ภาพเขียนฝาผนังฝีมือช่างชาวเชียงคาน
วัดที่ 7 วัดป่าใต้
ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2415 เดิมเป็นวัดป่าธุดงค์ สำหรับพระมาจำพรรษา ต่อมาพระครูศรสิริสุโข พร้อมด้วยชาวบ้านร่วมกันสร้างให้มั่นคงถาวรขึ้น พระอุโบสถเก่าแก่ประดับภาพจิตกรรมฝาผนังเป็นพุทธประวัติ ฝีมือช่างชาวเชียงคาน
ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2415 เดิมเป็นวัดป่าธุดงค์ สำหรับพระมาจำพรรษา ต่อมาพระครูศรสิริสุโข พร้อมด้วยชาวบ้านร่วมกันสร้างให้มั่นคงถาวรขึ้น พระอุโบสถเก่าแก่ประดับภาพจิตกรรมฝาผนังเป็นพุทธประวัติ ฝีมือช่างชาวเชียงคาน
วัดที่ 8 วัดมัชฌิมาราม (วัดป่ากลาง)
เดิมเป็นวัดเล็กๆ สองวัด คือ วัดกลางและวัดป่า เนื่องจากวัดกลางตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จึงถูกน้ำกัดเซาะตลิ่งพังเข้ามาถึงวัด ชาวบ้านจึงย้ายมารวมวัดสองวัดเข้าเป็นวัดเดียวกันเมื่อปี พ.ศ.2466 เรียกชื่อว่า “วัดป่ากลาง” ต่อมาสมัยพระมหาเกียรติ วฑฒิสาโร ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดมัชฌิมาราม” พระประธานในอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ภายในบริเวณวัด มีอาคารส้วมโบราณ ซึ่งชาวบ้านได้อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี
เดิมเป็นวัดเล็กๆ สองวัด คือ วัดกลางและวัดป่า เนื่องจากวัดกลางตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จึงถูกน้ำกัดเซาะตลิ่งพังเข้ามาถึงวัด ชาวบ้านจึงย้ายมารวมวัดสองวัดเข้าเป็นวัดเดียวกันเมื่อปี พ.ศ.2466 เรียกชื่อว่า “วัดป่ากลาง” ต่อมาสมัยพระมหาเกียรติ วฑฒิสาโร ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดมัชฌิมาราม” พระประธานในอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ภายในบริเวณวัด มีอาคารส้วมโบราณ ซึ่งชาวบ้านได้อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี
วัดที่ 9 วัดมหาธาตุ
เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคาน ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2197 พร้อมเมืองเชียงคา เคยเป็นที่ว่าการงานเมืองของเจ้าเมืองเชียงคานมาหลายสมัย มีบัลลังก์เจ้าเมือง และฆ้องชัยอยู่ที่วัดนี้ เจดีย์มหาธาตุเป็นที่สักการะบูชา พระอุโบสถเก่าแก่ และศาลาการเปรียญมีภาพเขียนฝาผนังดั้งเดิมมาแต่โบราณ จนภาพค่อนข้างเลือนไปมากแล้ว องค์พระประธานศักดิ์สิทธิมาก เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวเชียงคานตลอดมา ในบริเวณวัดมีอาคารส้วมโบราณเก่าแก่ซึ่งหาชมได้ยาก
เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคาน ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2197 พร้อมเมืองเชียงคา เคยเป็นที่ว่าการงานเมืองของเจ้าเมืองเชียงคานมาหลายสมัย มีบัลลังก์เจ้าเมือง และฆ้องชัยอยู่ที่วัดนี้ เจดีย์มหาธาตุเป็นที่สักการะบูชา พระอุโบสถเก่าแก่ และศาลาการเปรียญมีภาพเขียนฝาผนังดั้งเดิมมาแต่โบราณ จนภาพค่อนข้างเลือนไปมากแล้ว องค์พระประธานศักดิ์สิทธิมาก เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวเชียงคานตลอดมา ในบริเวณวัดมีอาคารส้วมโบราณเก่าแก่ซึ่งหาชมได้ยาก